ทิปส์การเงิน
เมอแร็งก์ ขนมทำขาย รายได้ดี
การทำขนมกับวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่บูรณาการและเกี่ยวเนื่องกันอย่างไม่น่าเชื่อ กรรมวิธีการปรุงอบขนมหรืออาหารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสูตรไทยหรือสูตรต่างประเทศ จะมีการใส่เคมีที่รับประทานได้ลงในขนม เช่น เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) ที่มีชื่อเรียกทางเคมีว่า“โซเดียมไบคาร์บอเนต” มีคุณสมบัติช่วยทำให้ขนมฟูขึ้น มักใช้กับขนมที่ต้องการให้ฟูนุ่ม เช่น ขนมถ้วยฟู และ เมอแร็งก์ ในโรงเรียนสอนทำอาหารบางแห่งมีการเรียนการสอนเชิงบูรณาการระหว่างวิชาวิทยาศาสตร์กับการตีส่วนผสมให้ฟูขึ้น สารเคมีชนิดนี้จะทำปฏิกิริยากับวัตถุดิบอื่น ๆ และสลายตัวเมื่อได้รับความร้อน แต่ข้อเสียคือ หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้ขนมเกิดรสเฝื่อนได้ การเติมส่วนผสมที่เป็นกรดลงไป เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต หรือน้ำมะนาว ก็สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ สำหรับขนมเมอแร็งก์ที่ต้องใช้ความพอดีของหลักการทางวิทยาศาสตร์ ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหางานเสริมโดยไม่ต้องเรียนทำขนมกับสถาบันใด ๆ เพียงทำตามสูตรที่เราแนะนำ ลองทำกันเลย
ต้นกำเนิดขนมเมอแร็งก์
ต้นกำเนิดขนมเมอแร็งก์เชื่อกันว่า “เมอแร็งก์ (Meringue)” มีต้นกำเนิดมาจากเมืองไมรินเกน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยพ่อครัวชาวอิตาลีชื่อกัสปารีนี และปรากฏอยู่ในตำราอาหารของพ่อครัวชาวฝรั่งเศสชื่อ Massialot ปี ค.ศ. 1706 ตำราอาหาร Massialot ได้ถูกแปลคำว่า “เมอแร็งก์” จึงปรากฏในภาษาอังกฤษเป็นครั้งแรก นับได้ว่าเป็นขนมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน หากใครอยากจะลองทำขนม ส่วนประกอบในการทำมีดังนี้
วัตถุดิบ
- น้ำตาลไอซิ่ง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ (Cream of Tartar): มีคุณสมบัติเหมือนเบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำมะนาว
- เกลือ
- กลิ่นวานิลลา (ถ้ามี)
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ตามชอบ)
วิธีทำ
- ขั้นตอนแรก - วอร์มเตาอบไว้ที่ 80-100°C โดยระบบพัดลมที่กระจายความร้อนเท่ากัน แยกไข่แดงออกจากไข่ขาวด้วยความระมัดระวัง อย่าให้ไข่แดงหยดลงไปในไข่ขาวเด็ดขาด ใช้เครื่องตีไข่ไฟฟ้าตีไข่ขาว ใส่เกลือลงไปเล็กน้อยเพื่อตัดรสหวาน และครีมออฟทาร์ทาร์เพื่อให้ไข่ขาวฟูดียิ่งขึ้น โดยใช้เครื่องตีไข่ไฟฟ้าที่ระดับความเร็วต่ำ จากนั้นแบ่งใส่น้ำตาล 3 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายต้องตีจนแน่ใจว่าน้ำตาลละลายหมดแล้ว เพราะหากน้ำตาลละลายไม่หมด จะทำให้ขนมเมอแร็งก์มีเนื้อหยาบ จะทราบได้อย่างไรว่าตีละเอียดแล้ว ให้สังเกตจากไข่ขาวจะมีสีวาวเนื้อเหนียว
- ขั้นตอนการบีบ - สามารถใช้ถุงบีบครีม หรือช้อนตักแทนได้ โดยคำนวณให้พอดีคำไม่ใหญ่เกินไป หากใครชอบเม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็ใส่ได้ตามชอบ
- ขั้นตอนการอบ - ช่วงแรกให้อบที่ 80-100°C ประมาณ 30-40 นาที จากนั้นใช้ความร้อนที่ 80-60°C ประมาณ 30 นาที ช่วงสุดท้ายลดความร้อนเหลือเพียง 50°C อบต่อประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อให้ขนมแห้งสนิท หลังจากนั้นปิดเตาโดยไม่ต้องนำเมอแร็งก์ออกมา ทิ้งไว้ให้เย็นในเตา ประมาณ 30 นาที
ขนมเมอแร็งก์สามารถเก็บรักษาไว้ในกล่องได้นานเป็นอาทิตย์ และสามารถฝึกทำเพื่อจำหน่ายสร้างรายได้เสริมในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ นอกจากนี้ หากอยากให้เมอแร็งก์มีสีสัน ก็เพิ่มสีผสมอาหารทำให้น่าทานมากยิ่งขึ้น