ทิปส์การเงิน

เงินหมดตั้งแต่ต้นเดือน จบปัญหาด้วย 10 เทคนิคจัดการเงิน

เงินหมดต้นเดือนไม่ซีเรียส จบปัญหาด้วย 10 เทคนิคจัดการเงิน

เงินหมด

เงินเดือนเพิ่งเข้าบัญชีไม่ทันไร ก็ต้องเจอกับค่าบ้าน ค่าไฟ ค่ารถ ค่าอาหาร และอีกสารพัดรายจ่ายที่รออยู่ จนเกิดปัญหาเงินหมดแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ปัญหาเงินหมดก่อนสิ้นเดือนเป็นเรื่องที่หลายคนต้องเจอ และมักแก้ปัญหาด้วยการกู้เงินนอกระบบ ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ยังทำให้เงินไม่พอใช้หนักกว่าเดิม เพราะต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงจนเงินหมดเกลี้ยง แล้วจะมีวิธีจัดการเงินยังไงให้รอดพ้นจากวงจรนี้? เรามี 10 เทคนิคจัดการเงินแบบง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณควบคุมรายจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แบ่งเงินเป็นสัดส่วนชัดเจน มีเงินใช้จนถึงสิ้นเดือนพร้อมเก็บออมได้แบบไม่ต้องกังวล

สารบัญบทความ

10 วิธีแก้ปัญหา เงินหมด มีอะไรบ้าง

เมื่อเงินไม่พอใช้ หลายคนเริ่มวิตกกับปัญหาทางการเงินที่ถาโถมเข้ามา นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราขอแนะนำ 10 เทคนิคง่าย ๆ แก้ปัญหาเงินหมด บอกลาปัญหาหมุนเงินไม่ทันและช่วยให้มีเงินสำรองไว้ใช้ยามจำเป็น 

1. รู้จักผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ตัวช่วยฉุกเฉินในยามวิกฤต

เงินหมด

หากคุณเกิดปัญหาเงินหมดตั้งแต่ต้นเดือน การพึ่งพาสินเชื่อถูกกฎหมายถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการกู้เงินนอกระบบ หรือยืมเงินคนรู้จัก การรู้จักใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินจะช่วยให้คุณมีเงินสำรองใช้ในยามฉุกเฉิน หนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจคือ บัตรกดเงินสด A money ที่อนุมัติวงเงินสูงสุดถึง 5 เท่าของรายได้ ชำระคืนขั้นต่ำเพียง 2.5% ของยอดการใช้จ่าย โดยไม่ต้องมีคนค้ำ ไม่ต้องมีทรัพย์หรือทรัพย์สินค้ำประกันใด ๆ ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม หลายคนที่ไม่เคยใช้บัตรกดเงินสดมาก่อน อาจสงสัยว่าบัตรกดเงินสดเป็นสินเชื่อถูกกฎหมายหรือไม่? คำตอบคือ ใช่ เพราะบัตรกดเงินสด คือ สินเชื่อถูกกฎหมายที่อยู่ภายใต้การควบคุมของธนาคารแห่งประเทศไทย คิดดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 25% ต่อปี อย่างไรก็ตาม ต้องระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่แอบอ้างว่าเป็นตัวแทนบริษัทที่ให้บริการสมัครบัตรกดเงินสด ไม่มีสลิปเงินเดือนหรือไม่ตรวจสอบเครดิต เพื่อหลอกให้คุณโอนเงินค่าสมัครหรือค่าธรรมเนียมล่วงหน้า ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกหลอกลวงและสูญเสียเงินโดยไม่จำเป็น เพื่อความปลอดภัย ควรตรวจสอบข้อมูลของผู้ให้บริการให้แน่ชัด โดยทั่วไปการสมัครบัตรกดเงินสดจำเป็นต้องใช้เอกสารยืนยันตัวตนและแหล่งที่มาของรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หรือเอกสารอื่นที่ใช้แทนกันได้ เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน หรือหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) 

2. ไม่เพิ่มภาระหนี้สินเกินความจำเป็น

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เงินไม่พอใช้คือ พฤติกรรมการใช้จ่ายเกินตัว เมื่อเงินไม่พอใช้ และต้องการเงินฉุกเฉิน หลายคนจึงหันไปพึ่งการกู้เงินนอกระบบ ซึ่งมักมาพร้อมกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก ส่งผลให้ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยคืนได้ และต้องแก้ปัญหาด้วยการกู้หนี้ใหม่มาโปะหนี้เก่า กลายเป็นวงจรหนี้สินเรื้อรังที่ยากจะแก้ไข 

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจกู้เงินนอกระบบ ควรพิจารณาทางเลือกจากแหล่งเงินกู้ในระบบก่อนเสมอ เพราะมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า และมีการคุ้มครองสิทธิของลูกหนี้ตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องกู้เงิน ควรมีวินัยทางการเงินด้วยการชำระหนี้คืนให้ตรงเวลา และหลีกเลี่ยงการค้างชำระ เพื่อไม่ให้ภาระหนี้ลุกลามเกินควบคุม

3. หารายได้พิเศษเพิ่มเติม

เมื่อมีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย การหลีกเลี่ยงการก่อหนี้สินที่ไม่จำเป็นเป็นสิ่งสำคัญ แต่การทำอาชีพเสริมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินได้เช่นกัน โดยควรเลือกอาชีพเสริมให้สอดคล้องกับความถนัดหรือทักษะของตนเอง เช่น การขายสินค้าออนไลน์ งานฟรีแลนซ์ หรือการขับรถส่งอาหาร อย่างไรก็ตาม ควรวางแผนและบริหารเวลาให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้งานอาชีพเสริมกระทบกับประสิทธิภาพของงานประจำ และยังสามารถรักษาสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัวได้อย่างยั่งยืน

4. บันทึกรายรับ-รายจ่ายในแต่ละเดือน

ต้นเดือน

การจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมทางการเงินของตนเองได้ชัดเจนขึ้น ช่วยในการวางแผนและควบคุมค่าใช้จ่าย รวมถึงระบุส่วนที่สามารถลดหรือตัดออกได้อย่างมีเหตุผล อย่างไรก็ตาม ควรบันทึกทั้งรายรับและรายจ่ายอย่างละเอียด ไม่ควรบันทึกเพียงแค่ตัวเลข เพราะจะทำให้ยากต่อการวิเคราะห์ข้อมูลและปรับปรุงพฤติกรรมการใช้จ่าย และควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เห็นแนวโน้มทางการเงินในระยะยาว และสามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

5. ซื้อสินค้าช่วง Sales หรือมีโปรโมชั่นพิเศษ

การรีบซื้อสินค้าทันทีเมื่อมีรุ่นใหม่วางจำหน่าย อาจทำให้เงินในกระเป๋าหมดอย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็น ลองเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการรอซื้อสินค้าในช่วงที่มีการลดราคาหรือจัดโปรโมชันพิเศษ นอกจากจะได้สินค้าคุณภาพในราคาที่คุ้มค่าแล้ว ยังช่วยปรับนิสัยการใช้จ่ายให้อยู่ในกรอบมากขึ้น 

นอกจากจะรอซื้อสินค้าช่วงราคาพิเศษแล้ว หากคุณสมัครบัตรกดเงินสดเอาไว้ ก็สามารถนำไปซื้อสินค้าในราคาประหยัดได้ โดยบัตรกดเงินสด A money มีสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้าผู้มีรายได้ระหว่าง 15,000 - 29,999 บาทต่อเดือน หากทำการเบิกถอนเงินสดภายในวันแรกตั้งแต่ 12,000 บาทขึ้นไป และมียอดคงค้างตามเงื่อนไขที่กำหนด จะได้รับบัตรกำนัล Gift voucher โลตัส มูลค่า 200 บาท ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์

6. เรียงลำดับความสำคัญของค่าใช้จ่าย

หลายคนเมื่อเงินเดือนออก มักใช้จ่ายไปกับสิ่งของที่อยากได้ก่อน เช่น เสื้อผ้าใหม่ หรืออุปกรณ์แกดเจ็ต โดยลืมคำนึงถึงค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าผ่อนบ้าน หรือค่าผ่อนรถ ทำให้เงินหมดก่อนถึงกลางเดือน และต้องกู้ยืมเงินฉุกเฉินตั้งแต่ต้นเดือนเพื่อใช้จ่ายในสิ่งจำเป็น ทางที่ดีควรจัดลำดับความสำคัญของค่าใช้จ่ายกับสิ่งที่จำเป็นก่อน จากนั้นจึงค่อยจัดสรรเงินที่เหลือไปใช้กับสิ่งของที่ต้องการ หากวางแผนอย่างมีวินัยตั้งแต่ต้นเดือน จะช่วยให้คุณใช้จ่ายได้อย่างสมดุล และไม่ต้องเผชิญภาวะขาดสภาพคล่องกลางเดือนหรือสิ้นเดือนอีกต่อไป

7. ออมเงินวันละนิด เก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน

เหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมบ้าน หรือค่าเทอมลูก มักเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว และหากไม่มีเงินสำรองไว้ใช้ หลายคนจึงแก้ปัญหาด้วยการกู้เพิ่ม ซึ่งหนี้ที่เกิดจากค่าใช้จ่ายฉุกเฉินเหล่านี้อาจมีจำนวนมากจนส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเงิน และอาจนำไปสู่ปัญหาหนี้สินเรื้อรังหรือล้มละลายได้ การออมเงินเป็นประจำแม้เพียงเล็กน้อยในแต่ละวัน เช่น วันละ 20-50 บาท ก็สามารถสะสมเป็นเงินก้อนสำหรับใช้ในยามฉุกเฉินได้ในอนาคต

8. เลือกซื้อของที่จำเป็น ไม่ตามกระแส

เหลือเงิน

การซื้อของตามกระแส เช่น ของที่กำลังเป็นที่นิยมในโซเชียลมีเดีย หรือสินค้าใหม่ที่คนพูดถึงมาก อาจทำให้คุณหมดเงินไปโดยไม่จำเป็น และส่งผลให้เกิดนิสัยฟุ่มเฟือยโดยไม่รู้ตัว ทางที่ดีควรให้ความสำคัญกับของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตก่อน เมื่อสามารถจัดารค่าใช้จ่ายลักและมีเงินออมเพียงพอแล้ว จึงค่อยพิจารณาซื้อของตามกระแสเพื่อเป็นรางวัลให้กับตนเอง

9. กำหนดค่าใช้จ่ายรายเดือน

การวางแผนกำหนดงบประมาณรายเดือนอย่างชัดเจนว่าแต่ละเดือนจะใช้จ่ายเท่าไรในแต่ละหมวด เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง หรือค่าใช้จ่ายส่วนตัว จะช่วยให้คุณควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น วิธีนี้ยังช่วยป้องกันปัญหา Lifestyle Inflation หรือการใช้ชีวิตตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย เพราะหลายคนเมื่อเงินเดือนเพิ่มขึ้น ก็มักเผลอขยายค่าใช้จ่ายตามไปด้วย จนสุดท้ายไม่มีเงินเหลือเก็บ แต่หากคุณมีงบประมาณรายเดือนที่ชัดเจน และยึดมั่นในการใช้จ่ายตามแผน แม้รายได้จะเพิ่มขึ้น ก็ยังสามารถเก็บออมได้มากขึ้น

10. หากมีเงินเหลือ ลองแบ่งไปลงทุนเพิ่ม

เมื่อสามารถจัดการค่าใช้จ่ายและมีเงินออมเหลือในแต่ละเดือน การนำเงินออมไปลงทุนถือเป็นทางเลือกที่ดีในการต่อยอดรายได้ เพิ่มพูนทรัพย์สิน และสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว โดยเฉพาะเพื่อใช้ในยามเกษียณ อย่างไรก็ตาม การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน จึงควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น กองทุนรวม พันธบัตร หรืออสังหาริมทรัพย์ หากไม่มั่นใจ อาจเริ่มจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ

หลักการ 50/30/20 เคล็ดลับใช้เงินอย่างไรไม่ให้เงินหมด

นอกจาก 10 เทคนิคด้านการเงินที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ ยังมีอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ได้รับความนิยมและช่วยจัดการปัญหาเงินหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือ หลักการ 50/30/20 ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณแบ่งสัดส่วนการใช้เงินได้อย่างมีวินัย ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้เงินหมดก่อนสิ้นเดือน โดยแบ่งเงินรายได้ออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้

  • 50% สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น ค่าบ้าน ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง
  • 30% สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อความสุขส่วนตัว เช่น ดูหนัง ท่องเที่ยว หรือช้อปปิ้ง เป็นการให้รางวัลตัวเองโดยไม่กระทบกับงบหลัก
  • 20% สำหรับการออมและการลงทุนเพื่ออนาคต เช่น การออมเงิน ซื้อหุ้น กองทุน หรือเก็บเป็นออมเงินไว้ใช้ยามเกษียณ

ตัวอย่างเช่น นาย A มีรายได้เดือนละ 30,000 บาท หากนำหลักการ 50/30/20 มาประยุกต์ใช้ นาย A สามารถแบ่งเงินเป็น 3 ส่วน ได้ดังนี้

  1. ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน 15,000 บาท 
  2. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว/ให้รางวัลตนเอง 9,000 บาท
  3. เงินออมและลงทุน 6,000 บาท

อย่างไรก็ตาม หลักการ 50/30/20 ไม่ใช่สูตรตายตัว คุณสามารถปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของตัวเองได้ เช่น หากมีภาระต้องดูแลครอบครัว อาจลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายส่วนตัวเพื่อให้รางวัลตนเองลงเหลือ 5% หากมีเป้าหมายเกษียณเร็ว อาจเพิ่มสัดส่วนเงินออมให้สูงขึ้น ไม่ว่าจะปรับอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือ ใช้จ่ายให้น้อยกว่ารายรับ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทางการเงินในระยะยาว

เงินหมดไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพียงแค่คิดก่อนใช้ทุกครั้ง

ปัญหาเงินหมดตั้งแต่ต้นเดือนอาจเคยเป็นเรื่องใหญ่ แต่หากคุณเริ่มนำ 10 เทคนิคการจัดการเงินที่กล่าวไปปรับใช้ เช่น การวางแผนงบประมาณรายเดือน การออมอย่างสม่ำเสมอ และการเลือกซื้อของอย่างมีเหตุผล ก็สามารถสร้างวินัยทางการเงินที่ดีขึ้นได้ แม้รายได้ต่อเดือนจะไม่สูง ก็ยังมีโอกาสเหลือเงินเก็บในระยะยาว อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มมีเงินออม หลายคนมักรีบลงทุนในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ หวังจะเพิ่มรายได้อย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายต้องขาดทุนอย่างหนัก เพราะขาดความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการลงทุน ดังนั้นควรศึกษาความรู้เกี่ยวกับการออมและการลงทุน เพื่อวางแผนเพิ่มรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ หาคุณกำลังมองหาตัวช่วยในการจัดการปัญหาการเงินระยะสั้น บัตรกดเงินสด A money ก็พร้อมช่วยให้คุณจัดการปัญหาเงินหมดตั้งแต่ต้นเดือนได้ง่าย ๆ ด้วยบริการชำระขั้นต่ำเพียง 2.5% ของยอดการใช้จ่าย สมัครง่ายผ่านแอปพลิเคชัน A money ได้ทั้งระบบiOS,Android,Harmony OS (Huawei) รวมถึงเว็บไซต์ รู้ผลไว ไม่ต้องเดินทางไปสาขา และที่สำคัญ ผู้มีรายได้เริ่มต้นเพียง 5,000 บาท ก็สมัครได้ทันที 

**อัตราดอกเบี้ย 16% - 25% ต่อปี กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

ย้อนกลับ