ทิปส์การเงิน

เงินไม่พอใช้ วิกฤตการเงินที่ต้องรู้ แก้ไขปัญหาให้มั่นคง มีเงินเก็บ

เงินไม่พอใช้ จัดการวิกฤตการเงิน สู่ชีวิตที่มั่นคง

เงินไม่พอใช้

คุณเคยรู้สึกไหมว่า... ไม่ว่าจะพยายามประหยัดแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังเงินไม่พอใช้อยู่ดี โดยเฉพาะเมื่อมีรายจ่ายฉุกเฉินโผล่มาแบบไม่ทันตั้งตัว เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถ หรือค่าใช้จ่ายในครอบครัวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ความจริงแล้ว ปัญหาแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก และหลายคนก็ต้องเคยเจอในชีวิตประจำวัน แต่สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ การย้อนกลับไปสำรวจต้นตอของปัญหาทางการเงิน ว่าแท้จริงแล้วเกิดจากอะไร บทความนี้จะพาคุณไปดูแนวทางการแก้ไขปัญหาเงินไม่พอใช้แบบรอบด้าน พร้อมวิธีสร้างความมั่นคงทางการเงินให้ยั่งยืน เพื่อให้คุณผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบาก และกลับมาจัดการการเงินได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

สารบัญบทความ

เงินไม่พอใช้ เจาะลึกสาเหตุที่ทำให้คุณมีรายได้ไม่พอ

เงินเยอะ

ปัญหาเงินไม่พอใช้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นแบบไร้เหตุผล แต่มักมีรากฐานมาจากพฤติกรรมการเงินส่วนตัว รวมถึงปัจจัยภายนอกที่กระทบต่อสภาพคล่อง หากเข้าใจที่มาของปัญหาได้อย่างลึกซึ้ง ก็จะสามารถรับมือและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำได้ในอนาคต

  • ปัญหาด้านทัศนคติ: หลายคนมีความเชื่อว่า “แค่หาเงินเก่งก็เพียงพอ” หรือ "เงินช่วยแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง" จนละเลยเรื่องการวางแผนและบริหารการเงินอย่างมีวินัย ซึ่งนำไปสู่พฤติกรรมใช้จ่ายเกินตัว ใช้เงินกับสิ่งฟุ่มเฟือย โดยไม่เหลือเก็บไว้ในยามจำเป็น จนกลายเป็นวิกฤตทางการเงิน การขาดวินัยทางการเงินก็อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
  • ภาวะเศรษฐกิจและหนี้สิน: สถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว รายได้ลดลง หรือการว่างงาน ล้วนเป็นปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ แต่สามารถเตรียมตัวรับมือได้ หากมีการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบ เช่น การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย การตั้งเป้าหมายออมเงิน หรือการลดภาระหนี้ที่ไม่จำเป็น จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใข้เงินและรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ดีขึ้น ช่วยให้คุณมีเงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
  • ขาดการวางแผนการใช้ชีวิต: การใช้ชีวิตแบบ "เดือนชนเดือน" หรือใช้เงินเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หลายคนประสบกับปัญหาเงินหมดอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีรายได้ไม่แน่นอนหรือไม่มากพอ การขาดแผนการเงินที่ชัดเจน ทำให้ไม่รู้ว่าเงินถูกใช้ไปกับอะไร และไม่สามารถจัดสรรเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อไม่รู้ว่าเงินไปอยู่ที่ไหน ก็ไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อไม่มีการวางแผนล่วงหน้า ก็มักใช้จ่ายไปเรื่อย ๆ จนเงินหมดก่อนถึงสิ้นเดือน และหากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น ก็ไม่สามารถรับมือได้ทันเพราะไม่มีเงินสำรองไว้ใช้
  • ไม่ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย: หลายคนมองว่าการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเป็นเรื่องยุ่งยากหรือไม่จำเป็น จึงละเลยที่จะจดบันทึก แต่เมื่อไม่รู้ว่าเงินเข้าออกไปเท่าไหร่ ก็ยากที่จะควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ ที่มักถูกมองข้าม แต่สะสมรวมกันแล้วอาจกลายเป็นเงินก้อนใหญ่โดยไม่รู้ตัว การไม่ทำบัญชีทำให้ไม่เห็นภาพรวมทางการเงิน ไม่รู้ว่าควรลดตรงไหนหรือปรับพฤติกรรมอย่างไร จึงพลาดโอกาสในการประหยัดและวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบ

เงินไม่พอใช้ กลยุทธ์แก้ปัญหาเพื่อชีวิตที่ "พอเพียง" และมั่นคง

ปัญหาการเงิน

การแก้ปัญหาเงินไม่พอใช้ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ในชั่วข้ามคืนแต่ต้องอาศัยทั้งวินัย การวางแผน และความตั้งใจในการปรับพฤติกรรมอย่างจริงจัง เมื่อคุณเข้าใจต้นตอของปัญหาแล้ว ก็ถึงเวลาลงมือจัดการอย่างเป็นระบบ ด้วยแนวทางที่พิสูจน์มาแล้วว่าได้ผลจริง และสามารถช่วยให้หลายคนพลิกสถานการณ์กลับมายืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง

1. แบ่งประเภทของรายจ่าย ทำให้เห็นว่าค่าใช้จ่ายไหนที่จำเป็น

หนึ่งในก้าวแรกของการแก้ปัญหาเงินไม่พอใช้ คือการทำความเข้าใจว่าเงินของคุณถูกใช้ไปกับอะไรบ้าง การแบ่งรายจ่ายออกเป็นหมวดหมู่ จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมทางการเงินได้ชัดเจนขึ้น และสามารถจัดลำดับความสำคัญได้อย่างมีระบบ โดยทั่วไป รายจ่ายสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ 

  • รายจ่ายที่จำเป็น: เป็นค่าใช้จ่ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และส่งผลโดยตรงต่อการดำรงชีวิต เช่น ค่าผ่อนบ้าน/ค่าเช่าที่พัก, ค่าผ่อนรถ หรือค่าน้ำมัน, ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าเดินทาง, ค่าอาหารประจำวัน, ค่ารักษาพยาบาล, ค่าเทอมลูก หรือค่าใช้จ่ายในครอบครัวอื่น ๆ เป็นต้น
  • รายจ่ายที่ไม่จำเป็น: เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อความสะดวกสบายหรือความบันเทิง ที่สามารถลดหรือตัดออกได้ เช่น กาแฟแก้วแพงทุกเช้า, ชอปปิงออนไลน์โดยไม่ได้วางแผน, ทริปท่องเที่ยวบ่อยเกินความจำเป็น, ค่าสมัครสมาชิกบริการสตรีมมิงที่แทบไม่ได้ใช้งาน เป็นต้น

เมื่อคุณสามารถแยกแยะค่าใช้จ่ายทั้งสองกลุ่มได้อย่างชัดเจนแล้ว ก็จะเห็นโอกาสในการปรับลดหรือเลี่ยงรายจ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อให้มีเงินเหลือเพียงพอสำหรับสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ และเริ่มวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

2. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเป็นประจำ

การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เปรียบเสมือนแผนที่ทางการเงินที่ช่วยให้คุณมองเห็นเส้นทางของเงินเข้า-ออกได้อย่างชัดเจน เป็นพื้นฐานสำคัญในการแก้ปัญหาเงินไม่พอใช้ และสร้างวินัยทางการเงินอย่างยั่งยืน การจดบันทึกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณ 

  • เห็นภาพรวมทางการเงิน: รู้ว่าเงินของคุณถูกใช้ไปกับอะไรบ้าง เห็นชัดเจนว่าค่าใช้จ่ายใดเป็นตัวการหลักที่ทำให้คุณเงินหมดก่อนถึงสิ้นเดือน
  • ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น: เมื่อรู้แหล่งที่เงินรั่วไหล ก็สามารถตั้งงบประมาณและปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย เพื่อให้เงินพอใช้ในแต่ละเดือน และมีเหลือเก็บมากขึ้น
  • ประเมินสถานะการเงินได้อย่างต่อเนื่อง: การทำบัญชีช่วยให้คุณติดตามสุขภาพการเงินของตัวเองได้อย่างแม่นยำ รู้ว่าอยู่ในจุดที่ควรปรับหรือรักษาแนวทางปัจจุบันไว้

คุณสามารถเลือกใช้เครื่องมือที่สะดวกที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันบันทึกรายรับ-รายจ่าย, โปรแกรม Excel/Google Sheets หรือสมุดจดธรรมดา สิ่งสำคัญไม่ใช่เครื่องมือ แต่คือความสม่ำเสมอและความซื่อสัตย์ในการจดทุกยอดอย่างตรงไปตรงมา

3. เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินใหม่

การเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยคุณหลุดพ้นจากปัญหาเงินไม่พอใช้ได้อย่างยั่งยืน แม้จะต้องใช้เวลาและความอดทน แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะคุ้มค่าในระยะยาว เริ่มต้นง่าย ๆ จากสิ่งเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น แทนที่จะกินข้าวนอกบ้านราคาแพง ลองหันมาทำอาหารทานเองและแบ่งเก็บไว้เป็นมื้อ ๆ ไม่เพียงแค่ประหยัดมากขึ้น แต่ยังช่วยให้คุณควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นอีกด้วย

4. วางแผนการใช้เงินด้วยสูตร 50-30-20

สูตร 50-30-20 คือหลักการบริหารเงินยอดนิยมที่ช่วยให้คุณจัดสรรรายได้อย่างเป็นระบบ และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่าย ไม่ว่าคุณจะมีรายได้มากหรือน้อย ก็สามารถนำสูตรนี้ไปใช้ได้เสมอ โดยแบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วนดังนี้

  • 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น: ครึ่งหนึ่งของรายได้ควรถูกนำไปใช้กับค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น ค่าผ่อนบ้านหรือค่าเช่า, ค่าผ่อนรถ, ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าเดินทาง, ค่าอาหารและของใช้ที่จำเป็นในแต่ละวัน
  • 30% สำหรับความต้องการส่วนตัว: อีก 30% ใช้เพื่อเติมเต็มความสุขและไลฟ์สไตล์ เช่น การรับประทานอาหารนอกบ้าน, การท่องเที่ยว, การช้อปปิ้ง, การสมัครบริการสตรีมมิ่ง ฟิตเนส หรือกิจกรรมเพื่อความบันเทิง
  • 20% สำหรับการออมและการลงทุน: เงินส่วนสุดท้ายนี้สำคัญมาก เพราะจะช่วยให้คุณมีความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว คุณสามารถนำเงินส่วนนี้ไปออมเงินในบัญชีฝากประจำ, ลงทุนในกองทุนรวม หุ้น หรือทรัพย์สินอื่น เพื่อเพิ่มเงินสำรองฉุกเฉินให้เพียงพอสำหรับสถานการณ์ไม่คาดฝัน การลงทุนจะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายทางการเงินในอนาคตได้อย่างมั่นคง

5. เลือกซื้อเฉพาะของที่จำเป็น

ก่อนซื้ออะไร ลองถามตัวเองให้ชัดว่า "สิ่งนี้จำเป็นจริงไหม?" หากไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องใช้ทันทีหรือมีอยู่แล้ว การตัดสินใจไม่ซื้ออาจช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากในระยะยาว สำหรับใครที่รู้ตัวว่าควบคุมใจไม่ค่อยอยู่ ลองเริ่มต้นจากสิ่งง่าย ๆ เช่น งดเปิดแอปชอปปิงออนไลน์ หลีกเลี่ยงการเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าแบบไม่มีเป้าหมาย เพราะพฤติกรรมเหล่านี้มักกระตุ้นให้อยากซื้อของโดยไม่จำเป็น

6. งดใช้บัตรเครดิตหากไม่จำเป็นจริง ๆ

แม้บัตรเครดิตจะเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยอำนวยความสะดวก แต่หากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง ก็อาจกลายเป็นภาระหนี้สินที่สะสมโดยไม่รู้ตัว การรูดซื้อของฟุ่มเฟือยเกินตัว หรือใช้บัตรเครดิตเป็นทางออกทุกครั้งที่เงินไม่พอใช้ อาจทำให้คุณเข้าสู่วงจรหนี้ที่ยากจะหลุดพ้น การมีวินัยในการใช้บัตร คือก้าวแรกของการจัดการการเงินอย่างยั่งยืน

7. หยุดสร้างหนี้ใหม่ โฟกัสเคลียร์หนี้เก่าให้จบ

หากคุณกำลังเผชิญปัญหาทางการเงินและมีหนี้สะสมอยู่ สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรทำในตอนนี้คือ หยุดเพิ่มหนี้ใหม่ทันที แล้วหันมาโฟกัสกับการจัดการหนี้เดิมที่มีอยู่ก่อน เริ่มจากการรวบรวมหนี้ทั้งหมดแล้ววางแผนชำระอย่างเป็นระบบ หากมีหลายเจ้าหนี้ อาจพิจารณาเจรจาขอปรับโครงสร้างหนี้ เช่น ลดค่างวด ยืดระยะเวลาผ่อนชำระ หรือรวมยอดหนี้ไว้ในที่เดียว เพื่อให้บริหารจัดการได้ง่ายขึ้น

8. ถ้ารายจ่ายเยอะ ก็ต้องหารายได้เพิ่ม

แค่ลดรายจ่ายอาจไม่เพียงพอ ถ้ายังรู้สึกว่าเงินไม่พออยู่เสมอ การเพิ่มรายได้จึงเป็นอีกทางออกที่ควรพิจารณา ลองมองหาช่องทางสร้างรายได้เสริมตามความถนัด เช่น รับงานพิเศษหลังเลิกงาน ขายของออนไลน์ ศึกษาการลงทุนเล็ก ๆ เพื่อเริ่มต้นสะสมทรัพย์

วิธีลดความเครียด เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เงินไม่พอใช้

ไม่พอใช้

เมื่อสถานการณ์ทางการเงินเริ่มตึงมือ หลายคนมักรู้สึกเครียด วิตกกังวล และหมดกำลังใจ ซึ่งความเครียดนี้อาจส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพจิตและร่างกาย ดังนั้น การจัดการอารมณ์และสติจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้การจัดการเรื่องเงิน ลองใช้วิธีเหล่านี้เพื่อลดความเครียดและตั้งหลักใหม่อย่างมั่นใจ

  • ยอมรับสถานการณ์ทางการเงินของตัวเอง: อย่าหลบเลี่ยงความจริง ลองนั่งทบทวนรายรับ รายจ่าย และภาระหนี้ที่มีอยู่ การยอมรับจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมชัดเจนขึ้น และเริ่มวางแผนรับมือได้อย่างมีสติ
  • ให้กำลังใจตัวเอง อย่าเครียดเกินไป: อย่าปล่อยให้ความรู้สึกแย่กัดกินใจ ลองพูดกับตัวเองในแง่บวก เช่น "ฉันยังควบคุมสิ่งต่าง ๆ ได้" หรือ "ฉันกำลังค่อย ๆ แก้ปัญหา" การมองตัวเองในแง่ดีจะช่วยให้คุณไม่หมดแรงง่าย ๆ
  • ประหยัดแบบไม่กดดัน: พฤติกรรมการใช้จ่ายให้น้อยลง โดยไม่ต้องตัดทุกอย่างออกจนไม่มีความสุข ลองจัดงบเล็ก ๆ สำหรับกิจกรรมที่ช่วยให้คุณผ่อนคลาย เช่น ดูหนัง ทำอาหาร หรือออกกำลังกาย
  • นำเงินก้อนที่ได้รับไปใช้หนี้: หากได้รับโบนัสหรือรายได้พิเศษ อย่าเพิ่งใช้หมดไปกับของรางวัลให้ตัวเอง ลองนำบางส่วนไปเคลียร์หนี้ หรือเก็บเป็นเงินสำรองฉุกเฉิน เพื่อให้รู้สึกมั่นคงขึ้นในอนาคต
  • จัดการความเครียดให้ดี และอย่าลืมดูแลสุขภาพกายให้แข็งแรง: ออกกำลังกาย เดินเล่น หรือหากิจกรรมเบา ๆ ทำเป็นประจำ จะช่วยลดความเครียดเพราะร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข (เอ็นดอร์ฟิน) และช่วยให้คุณมีพลังในการรับมือกับปัญหาการเงินได้ดีขึ้น

“เงินไม่พอใช้” สู่ทางออกที่มั่นคงและยั่งยืน

เมื่อรายจ่ายมากกว่ารายรับ ปัญหาเงินไม่พอใช้ก็กลายเป็นเรื่องที่หลายคนต้องเผชิญ แต่อย่าปล่อยให้ความเครียดกดดันคุณเพียงลำพัง เพราะการยอมรับปัญหาและลงมือแก้ไขอย่างจริงจังคือจุดเริ่มต้นของการสร้างชีวิตทางการเงินที่มั่นคง หากคุณรู้สึกว่ามีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย กำลังมองหาความช่วยเหลือด่วน เช่น ต้องการ ยืมเงินฉุกเฉิน 5000 ด่วน หรือหมุนเงินไม่ทันในช่วงปลายเดือน บริการทางการเงินที่ถูกกฎหมายและเชื่อถือได้คือทางเลือกที่ควรพิจารณา

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาตัวช่วยทางการเงิน บัตรกดเงินสด A money พร้อมเป็นผู้ช่วยจัดการการเงินได้อย่างครบวงจร คุณสามารถสมัครบัตรกดเงินสดได้ง่าย ๆ เพียงมีรายได้ประจำเริ่มต้น 5,000 บาทก็สมัครได้ทันทีผ่านแอปพลิเคชัน A money ที่รองรับทั้งระบบ iOS, Android, Harmony OS (Huawei) และเว็บไซต์ A money ไม่ต้องเดินทางไปสาขา รู้ผลไว และอนุมัติเร็ว ตอบโจทย์สำหรับคนที่หมุนเงินไม่ทันหรือต้องการเงินฉุกเฉิน โดยสามารถชำระคืนขั้นต่ำเพียง 2.5% ของยอดการใช้จ่าย ทำให้คุณมีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น บัตรกดเงินสด คือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเข้าถึงเงินสดได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เงินในบัญชีไม่พอใช้และต้องการสินเชื่อถูกกฎหมาย

*อัตราดอกเบี้ย 16% - 25% ต่อปี กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

ย้อนกลับ